ที่มาของภาพ, Getty Images
บริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ กำลังพิจารณาเรื่องการปรับโฉมของยาสีฟันยี่ห้อดาร์ลี่ (Darlie) ในช่วงเดียวกับที่หลายบริษัทกำลังทบทวนเรื่องภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่มีทัศนคติเชิงเหมารวมเกี่ยวกับเชื้อชาติและสีผิว
ยาสีฟันยี่ห้อดังที่เป็นของบริษัทคอลเกต และหุ้นส่วน คือบริษัทฮอว์ลีแอนด์เฮเซิล มีจำหน่ายในหลายประเทศทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทย โดยใช้ภาพการ์ตูนของชายที่ทาหน้าสีดำเป็นเครื่องหมายการค้า พร้อมกับชื่อที่แปลว่า “ยาสีฟันคนดำ”
เดิมทียาสีฟันยี่ห้อนี้มีชื่อว่า “ดาร์กี้” (Darkie) ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “ดาร์ลี่” ในปี 1989 หลังมีแรงกดดันจากบรรดาผู้ถือหุ้นและคนกลุ่มต่าง ๆ แต่ยังมีการคงโลโก้ที่เป็นภาพชายทาหน้าสีดำเอาไว้จนถึงปัจจุบัน
โฆษกบริษัทคอลเกต ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า “เป็นเวลากว่า 35 ปีที่เราทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสินค้ายี่ห้อนี้ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนชื่อ โลโก้ และบรรจุภัณฑ์ ขณะนี้เรากำลังทำงานร่วมกับหุ้นส่วนของเราเพื่อพิจารณาเรื่องการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของสินค้ายี่ห้อนี้ ซึ่งรวมถึงชื่อสินค้าด้วย”
เมื่อปี 1985 คอลเกต ทุ่มเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อกิจการ 50% ของบริษัทฮอว์ลีแอนด์เฮเซิล ผู้ผลิตดาร์ลี่ ที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง
ข้อมูลจาก Euromonitor International หน่วยงานวิจัยด้านการตลาดระบุว่า ปัจจุบันยาสีฟันยี่ห้อนี้มีส่วนแบ่งการตลาด 17% ของตลาดยาสีฟันในจีน, 21% ในสิงคโปร์, 28% ในมาเลเซีย และ 25% ในไต้หวัน
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่ธุรกิจหลายรายได้ตัดสินใจปรับโฉมตราสินค้าของตนที่อาจมีลักษณะเข้าข่ายการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว หลังเกิดกระแสการเคลื่อนไหวทางสังคมที่สืบเนื่องจากกรณีของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตจากการกระทำรุนแรงของตำรวจในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.บริษัทเป๊ปซี่โคได้ประกาศเปลี่ยนโฉมสินค้าประเภทน้ำเชื่อมและแป้งแพนเค้กยี่ห้อ Aunt Jemima ซึ่งใช้ภาพหญิงผิวดำเป็นโลโก้ เช่นเดียวกับสินค้าประเภทอาหารยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีภาพชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันปรากฏอยู่ในเครื่องหมายการค้า เช่น ข้าวยี่ห้อ Uncle Ben’s ซึ่งมีจำหน่ายมายาวนานตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940
ที่มาของภาพ, Getty Images