แปรงสีฟันไฟฟ้า แบบไหนดี ยี่ห้อไหนดี ใช้แล้วแตกต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาอย่างไร พร้อมแนะนำวิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เหมาะกับตัวเอง

แปรงสีฟันไฟฟ้า อีกหนึ่งไอเทมดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะช่วยทำความสะอาดฟันได้อย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องออกแรงแปรงมากนัก แต่เนื่องจากในท้องตลาดมีแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา แล้วเราควรจะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าแบบไหนดี วันนี้ชวนทุกคนมาอ่านรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้า พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อแปรงไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีมาให้พิจารณากัน
แปรงสีฟันไฟฟ้า
ต่างกับแปรงสีฟันทั่วไปอย่างไร

แปรงสีฟันไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งแบบใส่ถ่านและชาร์จไฟ เพื่อให้เกิดแรงสั่นจากหัวแปรงไปขจัดคราบพลัค หินปูน และแบคทีเรีย ออกจากฟัน ผู้ใช้เพียงแค่ถือแปรงให้ได้องศาหรือหมุนข้อมือเพียงเล็กน้อยให้ตรงจุดที่ต้องการแปรง ทำให้ไม่เมื่อยหรือปวดข้อมือเหมือนแปรงสีฟันธรรมดา และยังสามารถซอกซอนในจุดที่เข้าไม่ถึง จึงทำความสะอาดได้ดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ เช่น ปรับโหมดการสั่นสะเทือนเพื่อกำจัดคราบพลัค คราบหินปูน โหมดฟันขาว โหมดอ่อนโยนที่เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน อีกทั้งบางรุ่นสามารถตั้งเวลาการแปรงฟันได้ 2 นาที และสั่นเตือนทุก 30 วินาที ช่วยให้แปรงฟันในระยะเวลาที่เหมาะสม
แปรงสีฟันไฟฟ้า ดียังไง

แปรงสีฟันไฟฟ้ามีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้การดูแลสุขภาพช่องปากมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้แปรงสีฟันธรรมดา ดังนี้
- ช่วยให้แปรงฟันได้ทั่วถึงทุกมุมของช่องปาก เพราะหัวแปรงมีขนาดเล็กและมีหลากหลายรูปทรง จึงเข้าถึงบริเวณที่แปรงสีฟันธรรมดาเข้าถึงยาก เช่น ซอกฟัน ฟันกรามด้านใน นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีระบบแจ้งเตือนด้วยว่าทำความสะอาดบริเวณนั้นเพียงพอหรือยัง
- ช่วยทำความสะอาดฟันได้ตามเวลามาตรฐานที่ทันตแพทย์แนะนำคือ 2 นาที จากเวลาที่ตั้งไว้ และบางรุ่นมีระบบเตือนให้เปลี่ยนตำแหน่งการแปรงทุก ๆ 30 วินาที เพื่อให้แน่ใจว่าแปรงฟันได้ทั่วถึงทุกส่วนของช่องปากและเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
- มีระบบการสั่นหรือหมุนด้วยความเร็วสูง จึงมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบพลัค หินปูน และแบคทีเรีย ตามซี่ฟันได้ดีกว่าการแปรงฟันด้วยมือเปล่า ลดความเสี่ยงโรคเหงือกและฟันผุ
- ไม่ต้องออกแรงข้อมือในการแปรงฟันเยอะเกินไป เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาการออกแรงแขนหรือข้อมือเพื่อขยับแปรงสีฟัน
- มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพเหงือก เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของแปรงจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณเหงือก อีกทั้งอ่อนโยนต่อเหงือกเมื่อเทียบกับการใช้แปรงสีฟันทั่วไปที่ต้องออกแรงแปรงเอง ซึ่งมีโอกาสทำให้เหงือกบาดเจ็บได้มากกว่า
- มีหลายโหมดให้เลือกใช้ เช่น โหมดทำความสะอาดทั่วไป โหมดอ่อนโยนต่อเหงือก โหมดฟันขาว เป็นต้น เหมาะกับความต้องการใช้งานที่หลากหลาย
- สามารถเปลี่ยนหัวแปรงให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หรือเปลี่ยนเมื่อหัวแปรงเสื่อมสภาพ ซึ่งโดยปกติควรเปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
- เหมาะกับคนจัดฟันที่ต้องการทำความสะอาดฟันอย่างทั่วถึง
แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ปี 2025
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมและมีคุณภาพดี มีหลายยี่ห้อและหลายรุ่นให้เลือกตามงบประมาณ ใครอยากรู้ว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบไหนดีที่เหมาะกับเรา ลองพิจารณาข้อมูลรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้าด้านล่างนี้ดูเลย
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3

ภาพจาก : P&G Official
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3 (ออรัล-บี ไอโอ ซีรีส์ 3) สีไอซ์บลู สวยแบบคูล ๆ เป็นแบรนด์แรกที่ต้องบอกต่อเลยค่ะ รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจาก Oral-B ด้วยหัวแปรงทรงกลม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oral-B ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทันตแพทย์ โดยหัวแปรงทำงานแบบ 3D ผสานกับเทคโนโลยี Micro Pulsations ซึ่งเป็นการสั่นด้วยความถี่ต่ำที่นุ่มนวลต่อช่องปาก ช่วยทำความสะอาดฟันและเหงือกได้ทั่วถึงอย่างอ่อนโยน สามารถขจัดคราบพลัคได้มากถึง 99.9% เมื่อเทียบกับการใช้แปรงสีฟันธรรมดา และช่วยขจัดแบคทีเรีย นอกจากนี้ ขนแปรงยังเป็นแบบ SOFT & SLIM อ่อนนุ่ม อัดแน่นมากถึง 4,000 เส้น เรียงโค้งตามแนวฟันให้เข้ากับรูปฟันในแต่ละซี่
มาดูฟีเจอร์เด่น ๆ กันบ้าง รุ่นนี้มี 3 โหมดการแปรงอัจฉริยะให้เลือกใช้ ทั้งเดลี่คลีน (Daily Clean) สำหรับการทำความสะอาดทั่วไป, อ่อนโยน (Sensitive) สำหรับเหงือกและฟันที่บอบบาง และไวท์เทนนิ่ง (Whitening) เหมาะกับการขัดคราบบนผิวฟัน ส่วนใครที่กังวลว่าจะเผลอกดแปรงแรงหรือเบาเกินไปจนแปรงไม่สะอาดก็หายห่วงได้เลย เพราะเขามีเซนเซอร์วัดแรงกดอัจฉริยะ ที่จะแสดงสถานะเป็นไฟสีต่าง ๆ คอยแนะนำให้ลงน้ำหนักการแปรงได้อย่างพอดี ช่วยปกป้องเหงือกได้ดีกว่าเดิม พร้อมกับมีระบบจับเวลาที่จะสั่นเตือนทุก ๆ 30 วินาที เพื่อแบ่งการทำความสะอาดช่องปากออกเป็น 4 ส่วน และเมื่อแปรงครบ 2 นาทีตามคำแนะนำของทันตแพทย์ วงแหวนไฟรอบด้ามแปรงจะแสดงไฟกะพริบสีต่าง ๆ แจ้งเตือนให้รู้ด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่า เราสามารถแปรงฟันได้สะอาดและถูกสุขลักษณะอย่างแน่นอน
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3 มาพร้อมกับหัวแปรง Clean & Gum Protect (คลีน แอนด์ กัมโปรเทค) และมีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานเมื่อชาร์จเต็ม กันน้ำ ฟังก์ชันจำเป็นครบ พกพาออกไปใช้นอกบ้านได้สะดวก ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพช่องปาก แนะนำให้เปลี่ยนหัวแปรง Oral-B iO ทุก ๆ 3 เดือนนะคะ โดยระบบเตือนจะแสดงไฟ LED สีเหลือง บอกให้รู้เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหัวแปรงแล้วนะ
-
ราคาปกติ : 3,999 บาท
-
ช่องทางจำหน่าย : Shopee, Lazada, TikTok
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle Sonic Triple Active

ภาพจาก : sparklethailand.com
แปรงสีฟัน สปาร์คเคิล รุ่นทริปเปิล แอคทีฟ ใช้ระบบโซนิค สั่นด้วยคลื่นความถี่เสียง 40,000 รอบต่อนาที ปรับได้ 3 โหมดการทำงาน คือ โหมด White ดูแลฟันขาวเป็นเงา โหมด Sensitive ดูแลอย่างอ่อนโยน และโหมด Gum Care นวดดูแลเหงือก สามารถเปลี่ยนหัวแปรงได้ไม่ยาก
ส่วนขนแปรงก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้มีความนุ่มและซอกซอนร่องฟันได้อย่างทั่วถึง ด้ามจับกันน้ำได้ที่ระดับ IPX7 ทนทานต่อระดับน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีระบบแจ้งเตือนทุก 30 วินาที เพื่อเปลี่ยนบริเวณแปรงฟัน รุ่นนี้ต้องใช้คู่กับแท่นชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งมีอายุการใช้งาน 5 ปี รับประกันนาน 2 ปี
3. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare 1100 Series

ภาพจาก : philips.co.th
ต่อกันที่แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีคลื่นโซนิค มีระดับการสั่น 31,000 ครั้งต่อนาที ช่วยให้ทำความสะอาดซอกฟันและร่องเหงือกได้อย่างทั่วถึง ด้ามจับรูปทรงเพรียวบาง น้ำหนักเบา ถือถนัดมือ มีโหมด Easy-Start เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มใช้งาน ซึ่งจะค่อย ๆ เพิ่มพลังในการใช้แปรงไปเรื่อย ๆ ใน 14 ครั้งแรก ตัวเครื่องสามารถกำหนดเวลา 2 นาทีได้ตามมาตรฐาน แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มจะใช้งานได้ 14 วัน
4. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B BRAUN รุ่น Pro 500

ภาพจาก : P&G Official
แปรงสีฟันไฟฟ้า ออรัลบี อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจก็คือ Oral-B BRAUN รุ่น Pro 500 เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยี 3D หัวแปรงหมุนซ้าย-ขวาและขยับขึ้น-ลงได้ในเวลาเดียวกัน ความถี่หัวแปรง 20,000 ครั้งต่อนาที ส่วนขนแปรงเป็นแบบไขว้ทำมุม 16 องศา เพื่อการทำความสะอาดซอกฟันและร่องเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนหัวแปรงได้และใช้หัวแปรงรุ่นใดของออรัลบีก็ได้ รุ่นนี้มีเพียงโหมดเดียว คือช่วยจับเวลาในการแปรงฟัน 2 นาที ทำให้แปรงฟันได้ตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ หลังจากชาร์จแบตเตอรี่เต็มจะใช้งานได้นาน 7 วัน
5. แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต 360 โซนิค อ๊อพติค ไวท์

ภาพจาก : colgate.com
สำหรับคนงบน้อย แต่อยากทดลองใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ลองพิจารณาแปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ที่ราคาไม่สูงมาก รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีโซนิค ความถี่หัวแปรง 24,000 รอบต่อนาที ทำความสะอาดได้รอบทิศทาง 360 องศา และมีระบบจับเวลา 2 นาที เพื่อระยะเวลาการแปรงที่เหมาะสม ด้ามแปรงดีไซน์บางจับถนัดมือ หัวแปรงถอดเปลี่ยนได้ โดยสามารถใช้ได้กับหัวแปรงไฟฟ้าคอลเกต 360 โซนิคทุกรุ่นเลย ขนแปรงเป็นแบบตัดตรงพร้อมยางทรงกลมช่วยขจัดคราบบนผิวฟัน ส่วนแบตเตอรี่ใช้เป็นแบบถ่านอัลคาไลน์ AAA ที่หาซื้อได้ไม่ยาก
6. แปรงสีฟันไฟฟ้า SYSTEMA SONIC

ภาพจาก : lionshoponline.com
แปรงสีฟันไฟฟ้า ซิสเท็มมา โซนิค ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีราคาหลักร้อย รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีสั่นเงียบ หรือโซนิค เวฟ (Sonic Wave) จากญี่ปุ่น มีแรงสั่นสะเทือน 9,000 รอบต่อนาที เน้นการขจัดคราบพลัคอย่างอ่อนโยน ขนแปรงปลายเรียวแหลมและอ่อนนุ่ม (Soft Slim) ด้ามแปรงผลิตจากวัสดุโพลิอะซีทัล (Polyacetal) มีน้ำหนักเบา คอแปรงเรียวยาว ด้ามจับถนัดมือ สามารถถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้ ตัวหัวแปรงเป็นแบบสั่น ส่วนแบตเตอรี่ใช้เป็นแบบถ่านอัลคาไลน์ AAA สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย
7. แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi Oscillation Electric Toothbrush

ภาพจาก : mi.com
มาที่แปรงสีฟันไฟฟ้าจากแบรนด์เสียวหมี่กันบ้าง จุดเด่นอยู่ที่การใช้เทคโนโลยีมอเตอร์โซนิคสำหรับการหมุน ช่วยให้หัวแปรงมีมุมการหมุนเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า จึงสามารถซอกซอนเข้าตามจุดบอดบนฟันกรามได้อย่างแม่นยำ และมีไฟเตือนคอยบอกสถานะการแปรงฟันว่าบริเวณนั้นสะอาดเพียงพอแล้วหรือยัง ทำให้ทำความสะอาดฟันได้อย่างทั่วถึง หัวแปรงออกแบบมาให้ดูดซับแรงกระแทกได้ดี แปรงสบาย ไม่กระแทกฟัน รุ่นนี้ปรับได้ 3 โหมด คือ โหมดมาตรฐาน โหมดอ่อนโยน และโหมดสั่นทำความสะอาดแบบล้ำลึก แบตเตอรี่ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้ได้ยาว ๆ 100-180 วัน (ขึ้นอยู่กับโหมดที่ใช้)
วิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า

- เลือกซื้อตามงบประมาณ เช่น ถ้างบประมาณจำกัดอาจเลือกราคาหลักร้อย แต่ฟังก์ชันที่ช่วยให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็จะมีไม่มากเท่าแปรงสีฟันไฟฟ้าราคาหลักพันขึ้นไป
- เลือกหัวแปรงที่มีขนาดเหมาะกับช่องปาก เพื่อเข้าถึงซอกฟันและฟันกรามด้านในได้ง่ายกว่า และพิจารณาจากการทำงานของหัวแปรงซึ่งมีอยู่หลายแบบ คือ
- หัวแปรงแบบ 2D : หัวแปรงจะหมุนเป็นวงกลม ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า
- หัวแปรงแบบ 3D : หัวแปรงจะปัดขึ้น-ลง หรือซ้าย-ขวา พร้อมกับหมุนไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขัดฟัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะอาดล้ำลึก หรือมีปัญหาคราบพลัคสะสมมาก
- หัวแปรงแบบโซนิค : เป็นหัวแปรงที่ใช้พลังคลื่นเสียงในการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดการขยับ 20,000 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป จนเกิดฟองอากาศขนาดเล็กที่ซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดได้ลึกถึงซอกฟันและแนวเหงือก เหมาะกับผู้ที่มีเหงือกบอบบางหรือมีปัญหาเหงือกร่น คนจัดฟัน หรือผู้ที่ต้องการการทำความสะอาดที่ครอบคลุมถึงบริเวณที่แปรงเข้าถึงยาก
- หัวแปรงแบบอัลตราโซนิค : ใช้พลังคลื่นเสียงความถี่สูงมากในการสั่นสะเทือนที่มากกว่าแบบโซนิค ช่วยให้การทำความสะอาดล้ำลึก แต่มีราคาสูงมาก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคเหงือกและฟันขั้นรุนแรง
- เลือกขนแปรงนุ่มและอ่อนโยน โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเหงือกหรือมีอาการเสียวฟัน
- เลือกรุ่นที่ปรับโหมดได้เหมาะกับสุขภาพฟัน เช่น คนเหงือกร่น คนมีปัญหาเสียวฟัน ควรเลือกแปรงสีฟันที่มีโหมดดูแลเหงือก หรือคนฟันเหลืองมีคราบฟันเยอะก็ควรเลือกโหมดฟันขาว รวมทั้งปรับระดับการสั่นสะเทือนได้
- เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีระบบช่วยให้แปรงฟันอย่างถูกต้อง เช่น การตั้งเวลาแปรงฟัน 2 นาที มีระบบแจ้งเตือนทุก ๆ 30 วินาที หรือมีระบบตรวจจับเซ็นเซอร์หากกดแรงจนเกินไป
- เลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ได้รับรองตามมาตรฐาน
- เลือกซื้อตามความสะดวกต่อการใช้งาน เช่น เลือกรุ่นที่ใช้ถ่านถ้าต้องการพกพาไปนอกบ้าน หรือเลือกรุ่นที่ชาร์จไฟถ้าส่วนใหญ่ใช้ภายในบ้าน รวมทั้งพิจารณาอายุการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้งด้วย
- เลือกซื้อแปรงที่มีด้ามจับถนัดมือ ขนาดไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ทำจากวัสดุคุณภาพ ไม่เปราะหรือแตกง่าย มีวัสดุที่กันลื่น เพื่อให้จับได้มั่นคงขณะแปรงฟัน น้ำหนักไม่มากจนเกินไป
- พิจารณาค่าใช้จ่ายหัวแปรงสำรองด้วย เพราะเราต้องเปลี่ยนหัวแปรงทุก ๆ 3-6 เดือน
วิธีใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ถูกต้อง

-
ควรถือแปรงทำมุม 45 องศาตามแนวฟัน และเริ่มแปรงจากฟันด้านนอกก่อน ขยับไปทีละซี่จนถึงฟันกราม และแปรงจากด้านหลังฟันกรามวนไปด้านใน ส่วนด้านในก็ขยับไปทีละซี่และแปรงจนถึงฟันกรามในสุด ปัดขนแปรงขึ้น-ลงสำหรับฟันด้านบน รวมถึงแปรงลิ้นด้วย
-
ไม่ควรออกแรงกดแปรงสีฟันมากไป เพียงแค่วางให้สัมผัสลงบนฟันและเหงือกเพื่อถนอมเหงือกและฟัน
-
ควรแปรงฟันให้ถูกหลักจนครบ 2 นาที ตามมาตรฐาน
-
ล้างทำความสะอาดหัวแปรงทุกครั้งหลังการใช้งาน
-
ทุกครั้งหลังการใช้งานให้ใช้ผ้าที่อ่อนนุ่มเช็ดด้ามจับแปรงสีฟันไฟฟ้าให้แห้ง
-
เก็บเครื่องชาร์จให้ห่างจากน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ และไม่ควรจุ่มด้ามจับหรือแท่นชาร์จลงไปในน้ำ
-
ถ้าไม่ใช้เครื่องเป็นเวลานานให้ถอดปลั๊กและสายชาร์จออก และเก็บไว้ในที่แห้ง
ข้อเสียและข้อจำกัด
ของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- อาจเกิดปัญหาเหงือกร่น เคลือบฟันสึกได้ ถ้าออกแรงกดมากเกินไปในขณะแปรงฟัน
- ราคาเริ่มต้นสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดามาก
- ต้องเปลี่ยนหัวแปรงทุก 3-6 เดือน และในบางยี่ห้อจำเป็นต้องซื้อรุ่นเดียวกัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหัวแปรงตลอดอายุการใช้งานของตัวเครื่อง
- มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- การทำงานของเครื่องต้องใช้แบตเตอรี่หรือต้องคอยชาร์จไฟ ซึ่งอาจไม่สะดวกในบางสถานที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟหรือมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้า
- ถ้าใช้เป็นรุ่นมีสายชาร์จหรือแท่นชาร์จอาจไม่สะดวกต่อการพกพา
- หากตัวเครื่องมีปัญหา หรือแบตเตอรี่เสื่อม อาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเข้ามาด้วย
- ต้องระมัดระวังในการหยิบจับ เพราะหากตกหล่นอาจแตกหักเสียหายได้
จะเห็นได้ว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าแต่ละแบบก็มีฟังก์ชันและราคาต่างกันไป ดังนั้น ถ้าต้องการใช้งานควรเลือกซื้อเพื่อให้ตอบโจทย์ของตัวเองกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพปากและฟัน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : P&G Official Shop (1), (2), lionshoponline.com, colgate.com, Sparkle Official Shop, mi.com, philips.co.th