“เดนทิสเต้” เป็นแบรนด์ยาสีฟันสัญชาติไทยที่มุ่งสู่แบรนด์ระดับโลก และยึดมั่นในเซกเมนต์พรีเมียม มีเป้าหมายใหญ่อยากให้สีเขียวของแบรนด์ยึดแผนที่โลก จากปัจจุบันเป็นสีแดง
ในภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด เผยถึงการรุกตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันช่วงครึ่งปีหลัง ต้องตีโจทย์ทำอย่างไรจะช่วยผู้บริโภคให้ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นการบรรเทาภาระความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพ อีกด้านมุ่งช่วยเหลือด้านสังคม และเคลื่อนความยั่งยืนไปในตัว
ระยะเวลาราว 10 วัน จึงตัดสินใจ “แปรเปลี่ยนงบการตลาด” จากใช้ทำกิจกรรมต่างๆ กระตุ้นยอดขาย ไปใช้กับผู้บริโภคโดยตรงผ่านแคมเปญแห่งปีด้วยการทุ่มงบ 250 ล้านบาท ผนึกพันธมิตรทั้ง “ภิพัชรา” (PIPATCHARA) “การบินไทย” ลุยกลยุทธ์ DEN
เจาะลึกกลยุทธ์ 1. Driving Sustainability เคลื่อนความยั่งยืนด้วยการคอลแลปส์ “ภิพัชรา” หรือ “DENTISTE’ x PIPATCHARA” ชวนผู้บริโภคนำหลอดยาสีฟันและแปรงสีฟันมาแลกผลิตภัณฑ์เดนทิสเต้ขนาด 20 กรัม ฟรีทั่วประเทศทั้งปีไม่มีจำกัด ผ่านคลินิกทันตกรรม ร้านขายยา P&F และร้านค้าทั่วไปที่ร่วมรายการทั่วประเทศ เพื่อนำไปผลิตเป็นแฟชั่นไอเทมรักษ์โลก อีกด้านจะเป็นการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคมีการใช้แปรงสีฟันยี่ห้อใดบ้าง
2. Elevating DENTISTE’ Exclusive Experience ร่วมกับการบินไทย ส่งชุดผลิตภัณฑ์ DENTISTE’ Oral Care Set รุ่น Limited Edition สร้างประสบการณ์ดูแลช่องปากสุดพิเศษให้กับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจ รวมกว่า 3.8 ล้านชุด ในเวลา 18 เดือน บนเส้นทางระหว่างประเทศ ที่ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง(ชม.)ขึ้นไป ซึ่งการบินไทยมีลูกค้าราว 5 หมื่นรายต่อวัน
“ตั้งแต่วันแรก เดนทิสเต้ต้องการเป็นแบรนด์ระดับโลก และหากนึกถึงแบรนด์ไทยที่ไประดับโลกมีเพียงการบินไทยเท่านั้น ที่คนรู้จักทั่วโลก”
3.New Personalized Subscription Program ลุยโปรแกรมการสมัครสมาชิกของเดนทิสเต้ ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าต่อครั้งมากขึ้น ครบครันทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เบื้องต้นบริษัทคาดหวังมีลูกค้าราว 1% เป็นฐานสมาชิก และการซื้อเดนทิสเต้ต่อครั้งจะอยู่ระดับ 3,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ย 300 บาทต่อเดือน
กลยุทธ์สมัครสมาชิกยังมุ่งต่อยอดให้ลูกค้าในต่างประเทศสามารถซื้อสินค้าของเดนทิสเต้ได้มากขึ้นด้วย เป็นการสานต่อเป้าหมายสู่ “แบรนด์ระดับโลก”
“แคมเปญนี้ใช้เวลาคิด 10 วัน ภายใต้เศรษฐกิจ กำลังซื้อแบบนี้ เรามองว่าทำยังไงดีจะช่วยประเทศ ช่วยผู้บริโภค ช่วยสังคมลดปัญหาช่องทางและฟัน จึงให้ผู้บริโภคนำยาสีฟัน แปรงสีฟันเก่ามาแลกใหม่ฟรีเลย เอาเงินร้อยล้านมาใช้จ่ายแบบนี้ดีกว่า”
ด้านภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันมีมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท คาดการณ์ทั้งปีจะเติบโต 3-4% จากปี 2567 เติบโต 7% เมื่อแบ่งหมวดสินค้า ยาสีฟันมีมูลค่าราว 1.05 หมื่นล้านบาท แปรงสีฟัน 3,000-4,000 ล้านบาท น้ำยาบ้วนปาก 2,000 ล้านบาท ลดลงจาก 3,000 ล้านบาท และไหมขัดฟันสัดส่วน 6% เพิ่มเท่าตัวจาก 3%
ขณะที่เดนทิสเต้ เติบโตกว่าตลาดในอัตรา 2 หลัก หรือกว่า 20% ตั้งแต่ปี 2565-2568 โดยแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคครึ่งปีหลังมีความท้าทายในการผลักดันยอดขายให้โต 10% ต้องทำการตลาดหนัก สินค้ามีนวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้า เนื่องจากเศรษฐกิจ กำลังซื้อเปราะบาง นักท่องเที่ยวหดตัวแรง ซึ่งเดนทิสเต้ เป็นสินค้า 1 ใน 10 ที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับประเทศ
ด้านรายได้บริษัท ปีนี้คาดอยู่ระดับ 3,000-4,000 ล้านบาท จาก 2 เสาหลัก กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณหรือสกินแคร์แบรนด์ “สมูทอี” ที่เติบโตสูง ส่วนเดนทิสเต้ โตทั้งตลาดต่างประเทศ และมีสัดส่วนยอดขายมากกว่าไทย รวมถึงพลังของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” พรีเซ็นเตอร์ระดับโลก ส่วนภาพรวมส่วนแบ่งทางการตลาดเดนทิสเต้มากกว่า 10% ในเซกเมนต์พรีเมียม
“ภาวะที่เศรษฐกิจ กำลังซื้อเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่แท้จริงต้องใช้เงิน ไม่รัดเข็มขัด มองการสร้างคุณค่าสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมาย หาทางจะช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างไร อย่างการให้ใช้สินค้าฟรีเมื่อใช้แล้วติดใจก็จะเลิกไม่ได้ ยิ่งมองพฤติกรรมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน หากตื่นมาไม่มียาสีฟันแปรงฟัน จะทำอะไรไม่ได้เลย ต้องวิ่งไปหาซื้อ 2 สินค้านี้ก่อน ซึ่งยาสีฟันแปรงฟันก็ไม่ใช่สินค้าราคาแพงด้วย”