สปาร์คเคิล-เดนทิสเต้ แข่งที่ฟันขาวอย่างเดียวไม่พอ อยากเข้าถึง Gen Y และ Z ต้องมีพรีเซนเตอร์ด้วย




เกมสร้างตลาดยาสีฟันผ่านภาพลักษณ์พรีเซนเตอร์สนุกขึ้น เมื่อสปาร์คเคิลออกมารุกตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งในตลาดยาสีฟันกลุ่มพรีเมียมทำตลาดด้วยกลยุทธ์พรีเซนเตอร์อย่างลิซ่ามาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2564 จนประสบความสำเร็จในการปรับภาพลักษณ์แบรนด์เข้าถึงคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z อย่างต่อเนื่อง

 

ตลอดจนสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายในช่วงที่ผ่านมาได้ถึง 50-100% จากเดิมที่ก่อนมีลิซ่าเป็นพรีเซนเตอร์ มีการเติบโตเพียง 10-15% เท่านั้น และพลังของลิซ่ายังช่วยสร้างมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 3 เท่า พร้อมกับสร้างแบรนด์เดนทิสเต้ให้รู้จักในตลาดโลกมากขึ้นด้วยพลังของแฟนคลับทั่วโลก

 

เมื่อปล่อยให้เดนทิสเต้เดินหน้าในตลาดยาสีฟันกลุ่มพรีเมียมมาอย่างยาวนาน ในวันนี้สปาร์คเคิลได้เปิดเกมรุกตลาดผ่านพรีเซนเตอร์ด้วยเช่นกัน ด้วยการแต่งตั้ง หลิงหลิง คอง เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ ขับเคลื่อนตลาดเข้าถึงกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่เดนทิสเต้นำลิซ่าเดินเกมเจาะตลาดก่อนหน้านั้น

 

การที่ทั้งคู่เลือกเปิดเกมเข้าถึง Gen Y และ Gen Z ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของฟันที่ขาวสะอาด ไม่มีกลิ่นปาก และยอมจ่ายเงินที่สูงขึ้นเพื่อซื้อยาสีฟันกลุ่มพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์ด้านช่องปากให้ฟันขาวสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม Gen X ที่ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับปัญหาฟันกร่อน หรือฟันมีปัญหาจากการใช้งานมากกว่า

สำหรับสปาร์คเคิล การนำหลิงหลิง คอง เป็นพรีเซนเตอร์บุกตลาดในครั้งนี้ Marketeer มองว่า ส่วนหนึ่งมาจากหลิงหลิง คอง เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในฐานะคู่จิ้นสาย Girl Love “หลิง-ออม” ที่เป็นกระแสในปัจจุบัน และแม้ลิซ่าจะทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบบนภาพลักษณ์และชื่อเสียงระดับโลกที่ยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เพราะลิซ่าอยู่กับเดนทิสเต้มายาวนาน ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเริ่มชินกับการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ผ่านลิซ่า จนกระแสการพูดถึงของแบรนด์ในแง่ของพรีเซนเตอร์มีน้อยลง และกลายเป็นโอกาสสร้างการรับรู้ให้กับสปาร์คเคิลขึ้นมาได้

 

ประกอบกับตลาดยาสีฟันยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงข้อมูลจากสปาร์คเคิลพบว่า

ปี 2567 ตลาดยาสีฟันมูลค่า 9,357 ล้านบาท เติบโต 7.4%

ปี 2568 มูลค่า 10,133 ล้านบาท เติบโต 8.3%

 

การลงเล่นตลาดผ่านพรีเซนเตอร์หลิงหลิง คอง ในครั้งนี้ ทางสปาร์คเคิลคาดหวังว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ 20% ในสิ้นปี

 

ส่วนเดนทิสเต้ในปัจจุบันยังคงเดินเกมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านลิซ่า พร้อมกับขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังตลาดผ่านกลยุทธ์ใหม่ ๆ เช่น กลยุทธ์ Subscription Program ส่งสินค้าในกลุ่มไปยังลูกค้าตามบ้านเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขายที่มากกว่ายาสีฟัน

 

รวมถึงการสร้างประสบการณ์ในการทดลองใช้ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เช่น จับมือกับการบินไทย ส่งชุดผลิตภัณฑ์ DENTISTE’ Oral Care Set รุ่น Limited Edition ให้กับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจ และการแจกยาสีฟันและแปรงสีฟันให้กับผู้ที่นำหลอดยาสีฟันและแปรงสีฟันเก่ามาแลก ซึ่งยาสีฟันและแปรงสีฟันเก่าที่รับแลกได้นั้น ร่วมมือกับแบรนด์ภิพัชรา มาทำเป็นแฟชั่นรักษ์โลก เพื่อสร้างกิมมิกการตลาด และภาพลักษณ์สู่แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ส่วนสิ้นปียอดขายของทั้งสองแบรนด์จะเป็นอย่างไร ผู้บริโภคคือผู้ตัดสิน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล

อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที





Source link