กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าสร้าง Hero Brad ผ่านกิจกรรม “การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” โดยคัดเลือกผู้ประกอบการเครื่องสำอางจำนวน 25 กิจการเข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาทักษะในการสร้างภาพลักษณ์ ให้คำปรึกษาเชิงลึก ยกระดับภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ตอบโจทย์ความต้องการตลาด ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญในการเสริมพลัง Soft Power ไทยสู่เวทีโลก
“เดนตาเมท” (Denta mate) แบรนด์ยาสีฟันสมุนไพรไทย ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการนำพาแบรนด์สู่เวทีโลก สะท้อนจากการตั้งชื่อแบรนด์ให้เป็นสากลตั้งแต่เริ่มกิจการเมื่อ 18 ปีที่แล้ว โดยอดีตวิศวกรโรงงานที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ “ประพันธ์พงษ์ นทกุล” กรรมการผู้จัดการ NOVUS INTERTRADE CO., LTD. หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม เล่าว่า เรียนจบวิศวะทำงานในโรงงานญี่ปุ่นอยู่ปีครึ่ง แต่ด้วยความเป็นลูกหลานจีนที่สายเลือดนักธุรกิจในตัว และคุณพ่อก็มีประสบการณ์เคยเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเมืองนอก อยากทำแบรนด์สินค้าอุปโภคเป็นของตัวเอง จึงตัดสินใจลาออกมาก่อตั้งกิจการ สาเหตุที่เลือกเป็นยาสีฟัน เพราะมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสเน่ห์ และมีช่องว่างในตลาดให้เข้าไปแข่งขันได้ ประกอบกับเทรนด์สุขภาพกำลังเริ่มต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพรเริ่มได้รับความสนใจ
“เดลตาเมทตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ นำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผนวกกับความรู้และเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยวิธีการเจาะตลาดของเราจะโฟกัสทีละกลุ่ม และค่อย ๆ ขยายตลาดออกไป แรกเริ่มนำไปจำหน่ายในร้านโกลเด้น เพลส ซึ่งชัดมากว่าเป็นกลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ เรานำจุดขายเรื่องภูมิปัญญาดั้งเดิมผนวกกับวิทยาศาสตร์ และเล่าคุณสมบัติไปประชาสัมพันธ์ ควบคู่กับการแจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้ ได้รับเสียงสะท้อนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่าย จนติดอันดับสินค้าขายดีในเวลา 6 เดือน และเป็นสินค้าของใช้ตัวเดียวของร้านที่ติดอันดับขายดีในปีแรก”
กลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายของเดลตาเมทเป็นแบบป่าล้อมเมือง คือจะเริ่มจากเล็กไปใหญ่ เจาะไปทีละช่องทาง และโฟกัสกลุ่มลูกค้าชัดเจน โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นสินค้าขายดีไปต่อยอดการันตีคุณภาพสินค้าเป็นใบเบิกทางและสร้างดีมานด์ จนวันนี้ขยายฐานไปเกือบครบทุกช่องทาง ตั้งแต่โมเดิร์นเทรดถึงคอนวีเนียนสโตร์ และในต่างประเทศ สร้างยอดขายปีละ 40 ล้านบาท จากเงินลงทุนเริ่มต้นแค่หลักแสนเพื่อจ้างโรงงานผลิตสินค้าตามสูตรที่คิดค้นครั้งแรกราว 10,000 ชิ้น ซึ่งปัจจุบันก็ยังใช้โมเดลในการจ้างผลิต เนื่องจากมองว่าบริหารจัดการได้ง่ายกว่า
“ประพันธ์พงษ์” บอกว่า เดลตาเมทมุ่งมั่นพัฒนาในทุกด้าน เพื่อคว้าโอกาสใหม่ ๆ จึงเข้าร่วมโครงการให้ความรู้ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ เพราะให้ประโยชน์หลายด้าน ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่ยังมีเรื่องคอนเนคชัน ได้รู้จักผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ในการทำธุรกิจ รวมทั้งการทำตลาด ซึ่งในครั้งนี้เป็นจังหวะดีที่เดลตาเมทกำลังเปิดไลน์โปรดักส์ใหม่หลังจากพัฒนาสูตรมาเกือบสองปี คือ สูตรพีชมินต์ และยูสุมินต์ นำคุณสมบัติของผลไม้มาผนวกกับสมุนไพร เพิ่มสีสันให้กับโปรดักส์ในเชิงบิวตี้มากขึ้น พยายามเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีอายุเด็กลง จึงสนใจเข้าร่วมกิจกรรม “การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย” เป็นอย่างมาก
“ตอนเริ่มต้นธุรกิจผมก็เข้าร่วมโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ หรือ NEC มองว่าได้ประโยชน์หลายอย่าง ส่วนสิ่งที่คิดว่าจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ อย่างแรกคือได้รู้จักเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ได้แชร์จุดอ่อนหรือจุดแข็งร่วมกัน สองเป็นเรื่องการผลักดันจากภาครัฐ หรือโอกาสที่หน่วยงานหยิบยื่นให้ อาทิ การเปิดตลาด ซึ่งมีหลายโครงการที่สามารถสร้างฟาสต์แท็คให้เราในการเข้าไปในโมเดิร์นเทรด อันนี้มีประโยชน์มาก ทำให้มีโอกาสเพิ่มช่องทางขาย ทำให้เราเป็นรู้จักมากขึ้น และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้เร็วขึ้น”
เจ้าของแบรนด์เดลตาเมท ทิ้งท้ายว่า “เส้นทางความสำเร็จของเดลตาเมทอาจดูเรียบง่าย แต่จริง ๆ แล้ว เรามีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตลอดเวลา ต้องเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สร้างความยั่งยืนด้วยคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าอย่างแท้จริง เพราะทุกอย่างขับเคลื่อนโดยลูกค้า จึงต้องเข้าใจลูกค้าจริง ๆ หาลูกค้าที่เป็นของเราให้เจอ ซึ่งสิ่งที่ยากคือ การทำให้ตลาดไทยยอมรับแบรนด์ไทย เพราะคนไทยให้ความสำคัญกับค่านิยมไทยน้อย แต่เป้าหมายของเราไม่ได้ขายเฉพาะตลาดไทย ตอนนี้ไปประเทศเพื่อนบ้านและตะวันออกกลางแล้ว แต่จะไม่หยุดนิ่งยังต้องขยายไปอีกให้ได้”