หากพูดถึง “ยาสีฟัน” แน่นอนว่าสรรพคุณหลักๆ ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยครั้งคือ ลมหายใจหอมสดชื่น ฟันขาวสะอาด และรูปทรง โทนสี ของบรรดาหลอดสีฟันกูดูจะละม้ายคล้ายกันไปหมด
แต่ไม่ใช่กับ“Marvis” ยาสีฟันสัญชาติอิตาลีที่มีอายุอานามมากกว่า 60 ปี มีจุดเด่นด้านรสชาติและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แพ็กเกจจิงสีเงินเมทัลลิกที่มีด้วยดีไซน์และสีสันสะดุดตา ภายใต้การตั้งใจที่จะเติมเต็ม 2 นาทีของการแปรงฟันให้มีความสุข เย็นสดชื่นยาวนาน และหอมไม่เหมือนใครทำให้มาร์วิสกลายเป็นแบรนด์โปรดในใจของใครหลายๆ คนอย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่ถ้าถามถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2501 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี Earl Franco Cella di Rivaradates คือผู้คิดค้นยาสีฟัน Marvis ที่ทำจากมินต์ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อใช้สำหรับผู้สูบบุหรี่ เนื่องจากมีรสมินต์เข้มข้นและคุณสมบัติในการช่วยขจัดคราบบุหรี่
จนกระทั่งชื่อของยาสีฟัน Marvis ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลังจากที่มีการเข้าซื้อกิจการโดยบริษัท Ludovico Martelli SRL เมื่อปี 2540 ที่ได้ทำการปรับปรุงแบรนด์ใหม่ โดยเน้นการพัฒนารสชาติที่หลากหลายและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น ทำให้ Marvis กลายเป็นแบรนด์ยาสีฟันที่มีความหรูหราและเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจในไลฟ์สไตล์
ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ Classic Strong Mint, Whitening Mint, Jasmin Mint, Aquatic Mint, Cinnamon Mint, Ginger Mint และ Amarelli Licorice โดยแต่ละรสชาติถูกพัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทน้ำหอมชั้นนำ เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพสูง
สำหรับในประเทศไทย Marvis เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2558 โดยบริษัท เพรสทีจ ซีเลคชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ Marvis ในประเทศไทย ซึ่งในครั้งนี้ มาร์วิส ไทยแลนด์ (Marvis Thailand) ได้ประกาศครบรอบ 10 ปี หลังจากเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2558 ด้วยจุดยืนที่แตกต่างอย่างชัดเจนของ แบรนด์มาร์วิส (Marvis) ซึ่งเป็นยาสีฟันพรีเมียมจากอิตาลี ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนเขตเมืองรุ่นใหม่ และผู้ที่ชื่นชอบสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ กับแพ็กเกจจิงดีไซน์หรูหราสุดคลาสสิก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ใครจะไปรู้ว่า “ยาสีฟันก็มีแฟนคลับได้”
อิสริยะ คูหาเปรมกิจ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เพรสทีจ ซีเลคชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Marvis ในประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดยาสีฟันในประเทศไทยมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าราคากลางถึงราคาประหยัด ซึ่งครองสัดส่วนหลักของตลาด ในขณะที่กลุ่มยาสีฟันพรีเมียมยังถือเป็นสัดส่วนที่เล็ก แต่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และคุณภาพของสินค้า ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มยาสีฟันเพื่อความงาม เช่น ยาสีฟันเพื่อฟันขาว
ขณะที่กลุ่มยาสีฟันพรีเมียมในประเทศไทย ถือว่าเริ่มมีการขยับตัวมากขึ้นในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา มีทั้งแบรนด์จากต่างประเทศและแบรนด์ใหม่ๆที่พยายามเจาะตลาดนี้ แต่ทว่า Marvis ก็ยังคงครองความเป็นผู้นำในฐานะแบรนด์ที่วาง Positioning ชัดเจน และมี Loyal Customer Base ที่แข็งแรง ปัจจุบัน Marvis เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุดในตลาดยาสีฟันระดับพรีเมียมในประเทศไทย
อีกทั้งยังมี Customer Loyalty หรือ ลูกค้าประจำซึ่งเป็นแฟนตัวยงที่แข็งแรง ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ มาร์วิส (Marvis) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีสัดส่วนยอดจำหน่ายสูงสุดในตลาดยาสีฟันระดับพรีเมียมในประเทศไทย
ในแต่ละปี Marvis มีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 35%
“ตลอดการดำเนินธุรกิจมา 10 ปี Marvis Thailand สามารถสร้างยอดจำหน่ายในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีแรก และเติบโตแบบก้าวกระโดดใน 5 ปีหลัง ซึ่งนับเป็นช่วง 10 ปี ที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์การแปรงฟัน 2 นาทีให้มีความสุขได้ด้วย ภายใต้แนวคิดที่ว่า “Fulfill A Moment Of Pure Pleasure” และสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค Marvis Thailand สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีทางแบรนด์มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% ต่อปี และเชื่อว่ายังเติบโตอีกในอนาคตตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่วางไว้” อิสริยะ กล่าว
อีกทั้งจากข้อมูลพบว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครองส่วนแบ่งตลาดยาสีฟันทั่วโลกสูงสุดที่ 36.6% โดยประเทศจีนเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด ในส่วนของตลาดยาสีฟันพรีเมียม และเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากจำนวนประชากร และความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและคุณสมบัติของสินค้าที่โดดเด่นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตัวของชนชั้นกลาง-สูง ที่มองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสะท้อนรสนิยมมากกว่าการมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้งานเพียงอย่างเดียว Marvis แบรนด์ยาสีฟันพรีเมียมจากอิตาลี จึงได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน
1 ทศวรรษของ Marvis ทำอะไรมาบ้าง ?
อิสริยะ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ยาสีฟัน Marvis เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยจุดยืนที่แตกต่างอย่างชัดเจน เราวาง Positioning ให้ Marvis เป็นยาสีฟันระดับพรีเมียมที่ผสานกลิ่นและรสชาติแปลกใหม่ กับบรรจุภัณฑ์ดีไซน์หรูหราสุดคลาสสิก ซึ่งถือว่าเป็น Segment ที่ท้าทาย เนื่องจาก ณ เวลานั้น ตลาดยาสีฟันในไทยส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบรนด์ Mass ที่มีจุดขายเหมือนๆกันหมด นั่นก็คือ ปากสะอาด ฟันขาว กลิ่นหอมสดชื่น
ในขณะที่ Marvis มองว่ายาสีฟันต้องเป็นได้มากกว่ายาสีฟันธรรมดา ต้องไม่ใช่มีแค่คุณสมบัติทำความสะอาดปากและฟันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างสุนทรียภาพบางอย่างให้กับผู้บริโภคได้ รวมถึงเรื่องที่เตะตาคนส่วนใหญ่ ก็คือ Packaging ดีไซน์สุดเก๋ ตั้งแต่กล่องไปจนถึงฝาหลอด ที่อาจเรียกได้ว่ามียาสีฟันไม่กี่แบรนด์ที่คนสนุกกับการถ่ายรูปหลอดยาสีฟันลง Social Media
“ที่ผ่านมา Marvis ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่นดั้งเดิมอย่าง Classic Collection และเป็นคอลเลคชั่นยอดนิยมอย่าง Care Collection หรือจะเป็น Collection พิเศษอย่าง Blended Collection รวมถึงคอลเลคชั่นที่เป็น Limited Edition อย่าง Tea Collection ที่เคยเป็นกระแสในไทย และล่าสุดกับ Garden Collection ไปจนถึงการร่วมมือกับ Artist จากทั่วทุกมุมโลก พร้อมกับสื่อสารผ่านช่องทาง Social Media ทำให้เข้าถึงแฟนๆของ Marvis และกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ”
และเมื่อถามถึงความพรีเมียมของ Marvis มีความแตกต่าง หรือมีความโดดเด่นต่างจากคู่แข่งอย่างไร? อิสริยะ มองว่า Marvis ไม่ได้เป็นแค่ยาสีฟันที่ช่วยดูแลความสะอาด แต่เป็นชิ้นงานออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงแพคเกจจิ้งที่สวยงามคลาสสิก และยังเป็นแบรนด์ที่อยู่ในจุดตัดระหว่างฟังก์ชันและอารมณ์ความรู้สึก หรือที่เราเรียกว่า Sensory Oral Care ที่ให้ประสบการณ์และสุทรียภาพในทุกครั้งที่ใช้
เน้นสร้าง Engagement เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาด ได้มีการวางไว้แบบ 360 องศา ทั้งในเชิง Branding และ Commercial โดยใช้ Digital Media เป็นหลัก ผสมผสานกับการทำ PR, KOL Marketing, Retail Visibility และ Limited Collaboration เพื่อให้แบรนด์ยังคงความสดใหม่เสมอ รวมถึงกิจกรรมที่สร้าง Engagement กับผู้บริโภคโดยตรง รวมทั้งยัง มีจำหน่ายทั้งในช่องทาง Offline และ Online ของทางแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์หลักๆของ Marvis ที่สยามพารากอนและเอ็มควอเทียร์ รวมถึง Retailer คู่ค้าอย่าง TOPS, Gourmet Market, Villa Market, EVEANDBOY, KIS Beauty ฯลฯ
“เราวางเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้า Retail ของ Marvis ให้กว้างขึ้น ด้วยการสร้าง Brand Storytelling รวมถึงสร้าง Engagement ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า พร้อมกับการเติบโต Segment ใหม่ๆ เช่น ตลาด Amenity ระดับพรีเมียม ในสายการบินและโรงแรม ซึ่งเริ่มแล้วตั้งแต่ปี 2567 อย่างที่ทุกคนอาจจะเคยผ่านตากันมาบ้าง สำหรับ Marvis ใน Amenity Kit ของ First Class และ Business Class ของการบินไทย และ Marvis ใน Amenity Kit ของโรงแรม Capella Bangkok ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น The World’s Best Hotel 2024 และอาจรวมถึงการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในอนาคต โดยจะยังคงรักษาจิตวิญญาณความเป็น “Marvis” ที่ทั้งคลาสสิกและร่วมสมัยไว้เช่นเดิม” อิสริยะ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เส้นทาง 10 ปี Marvis ในไทย จากยาสีฟันสำหรับนักสูบ สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์พรีเมียมที่คนทั่วโลกหลงรัก
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
– Website : Thairath Money
– LINE Official : Thairath