‘ลิซ่า’ ปลุกตลาดว้าว! เดนทิสเต้ ชูยาสีฟันผสมเพชรหลอด 36,000 บาท เจาะลูกค้า


ปีก่อน “เดนทิสเต้” ทุ่มทุนครั้งสำคัญด้วยการดึง 1 ในไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปชื่อก้องโลกอย่าง “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ สร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แบรนด์มหาศาล

เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกูล กรรมการผู้จัดการ ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันแบรนด์ “เดนทิสเต้” เล่าความสำเร็จหลังใช้ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ช่วยสร้างความว้าว! หรือเกิด Wow Marketing ให้ตลาดยาสีฟันและผู้บริโภคอย่างมาก ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด โดยยอดขายสินค้าบริษัทเติบโตสูง เพิ่มคุณค่าให้แบรนด์มากขึ้นตอกย้ำภาพลักษณ์พรีเมียม

นอกจากนี้ ซัพพลายเออร์ ร้านค้าต่างๆ เรียกร้องให้นำสินค้าไปวางจำหน่ายในปริมาณสูงมาก รวมถึงทันตแพทย์ให้การตอบรับยาสีฟันเดนทิสเต้มากขึ้น นำไปวางที่คลินิกทันกรรมมากถึง 6,000 แห่งทั่วประเทศ จากเดิมเจาะช่องทางดังกล่าวค่อนข้างลำบาก

ด้านสื่อสารการตลาด ยังทรงพลังมากผ่านสื่อต่างๆ เฉพาะช่องทางออนไลน์อย่างอินสตาแกรม ที่ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” โพสต์ภาพมียอดไลก์กว่า 5.7 ล้านราย จากผู้บริโภคทั่วโลกติดตามบัญชีส่วนตัวกว่า 81.8 ล้านราย(Followes) ที่สำคัญยังสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนแบรนด์(Switching)มาใช้ยาสีฟันเดนทิสเต้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ที่วัยรุ่น คนรุ่นใหม่คลั่งกระแสเกาหลีหรือ K-POP สูงมาก

“เดนทิสเต้ทำตลาดใน 25 ประเทศทั่วโลก เกาหลีใต้เราทำตลาดมา 16 ปี ขายดีกว่าไทยราว 2-3 เท่าตัว หรือมีส่วนแบ่งตลาด 12-13% เทียบไทยมีส่วนแบ่ง 7% แต่เซ็กเมนต์พรีเมียมมีส่วนแบ่งตลาด 85% และตอนที่เราใช้ลิซ่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ จังหวะดีที่ความดังของน้องเพิ่มขึ้น 10 เท่า จึงเอื้อประโยชน์ต่อแบรนด์อย่างดี”

ความสำเร็จดังกล่าว บริษัทจึงเดินหน้าต่อสัญญาให้ ลิซ่า แบล็กพิงก์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นปีที่ 2 มีไฮไลท์สำคัญด้วยการเตรียมจัดกิจกรรมเอ็กซ์คลูสีฟ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่มีความฝัน มุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นศิลปิน ไอดอลระดับโลก

ศุภาพิชญ์ พิทยานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เดนทิสเต้ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมพิเศษจะมีทั้งสิ้น 2 รายการ ประกอบด้วย Meet&Greet Lisa X Dentiste ซึ่งเดนทิสเต้ เป็นแบรนด์แรกที่ได้ทำกิจกรรมรูปแบบเอ็กซ์คลูสีฟส่วนตัว และอีกกิจกรรมคือการประกวดร้อง เต้น เล่นดนตรี ฯ เพื่อสานฝันเด็กไทยที่มีความฝันเหมือน “ลิซ่า” ได้โชว์ความสามารถ ซึ่งงานนี้จัดขึ้น 3 วัน และยึดลานใจกลางสยามสแควร์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ และย่านดังกล่าวมีผู้คนสัญจรไปมาหลัก “แสนคนต่อวัน”

ในแต่ละปี “ลิซ่า แบล็กพิงก์” มีสินค้าจากทั่วโลกนับ “ร้อยแบรนด์” นำเสนอเพื่อดึงตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ แต่มีเพียง 10 แบรนด์ที่ได้รับการเซ็นสัญญาทำงานร่วมกัน และ “เดนทิสเต้” เป็น 1 ใน 10 แบรนด์เหล่านั้น ซึ่งยอมรับว่าความดังของ “ลิซ่า” ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าตัวแพงขึ้นถึง 100%

สำหรับเกาหลีใต้ เป็นตลาดยาสีฟันสำคัญของเดนทิสเต้ เนื่องจากตลาดใหญ่ ผู้บริโภคมีการแปรงฟัน 3 ครั้งต่อวัน การขายสินค้ายังสูงกว่าไทย 2-3 เท่าตัว การสร้างแบรนด์ก่อนหน้านี้บริษัทใช้ศิลปิน นักแสดงตัวท็อป “คิมแซฮา”(Kim Sae-Ha) ซึ่งดังมากเช่นกัน

ด้านศิวกร พิทยานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ เดนทิสเต้ กล่าวว่า อีกหัวใจสำคัญของการทำตลาดคือออกยาสีฟันนวัตกรรมตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งปีหน้าจะเห็นยาสีฟันผสมเพชรขนาด 50 กรัม ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างความว้าว! เพิ่มประสบการณ์แปรงฟันให้กลุ่มเป้าหมายต่อเนื่อง

“ยาสีฟันนวัตกรรมใหม่จะนำเพชร 1.2 กะรัตมาบดให้ละเอียดผสมยาสีฟัน จำหน่ายหลอดละ 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 36,000 บาท ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 หลอดเท่านั้น”

นอกจากนี้ ความทรงพลังของการใช้ “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปีหน้าบริษัทจะต่อยอดขยายการทำกิจกรรมการตลาดเดนทิสเต้ในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มสินค้าเฉพาะระดับพรีเมียม(Premium Niche) จากเดิมขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอเมซอนเท่านั้น และมองแคานาดา และยุโรปเพิ่มเติม รวมถึงการเตรียมเปิดสำนักงานที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษด้วย

ปัจจุบันเดนทิสเต้ทำตลาดใน 25 ประเทศ สร้างรายได้ต่างประเทศสัดส่วน 50% ในประเทศ 50% โดยตลาดยาสีฟันไทยมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 5% ส่วนเป้าหมายบริษัทหลังใช้ “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คาดผลักดันยอดขายโต 20-30%

อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการต่อสัญญากับ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับเดนทิสเต้มากมาย หากย้อนจุดเริ่มต้นแบรนด์จะมีเช็กลิสต์ก่อนเลือกศิลปิน คนดังมาร่วมงานเป็นตัวแทนแบรนด์ ซึ่งได้พบทันตแพทย์ “รีวิว” เกี่ยวกับ “รอยยิ้ม” และ “ฟันสวย” เรียงกันของลิซ่า จึงไร้ข้อกังขา บวกกับแบรนด์มองการสร้างที่สุดของโมเมนต์ทั้งด้านการประสบความสำเร็จของ “ลิซ่า” การเรียนรู้เกี่ยวกับกลิ่นปากเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่ 50% มักไม่รู้ตัว 47% ของการสะกดผู้คนให้สนใจเกิดจาก “รอยยิ้ม” มากกว่าทรงผมโดดเด่นที่ตรึงคนเพียง 12%

“ไม่ว่าคุณจะถือกระเป๋าแพงหรู ทรงผมดูดีแค่ไหน หากไม่ยิ้มก็จบกัน”  

ขณะที่การทุ่มเทงบก้อนโตเพื่อดึง “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ยังเปรียบเสมือนการซื้อรถหรูในราคารถมาตรฐานทั่วไป ซึ่งหมายถึงการยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆหรือ Accessories ที่บริษัทต้องรับผิดชอบทั้งหมด 

นอกจากนี้ บุคลิกของ “ลิซ่า” ที่ถูกปลกปั้นให้มีความเท่ มีความ fierce เล็กน้อย การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์อื่นๆ จึงไม่เห็นการ “ยิ้ม” เต็มที่ ซึ่งเดนทิสเต้ เป็นแบรนด์แรกที่ได้เพิ่มบุคลิกยิ้มกว้าง สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ยาสีฟันนั่นเอง 



Source link