สินค้าไทยจำนวนไม่น้อยที่ไปตีตลาดต่างประเทศแล้วประสบความสำเร็จ และกลมกลืนจนยืนหนึ่งครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาด ด้วยจำนวนประชากร ขนาดตลาดที่ใหญ่ และโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ใครก็อยากพาตัวเองออกไปลุยน่านน้ำใหม่
เดนทิสเต้ แบรนด์ที่ขณะนี้ส่งออกต่างประเทศ 50% ตั้งเป้าจะส่งออกครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก และเพิ่มสัดส่วนส่งออกให้ได้ 99% ภายในปี 2030
เภสัชกร ดร. แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเดนทิสเต้ส่งออกไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง แต่ยังเป็นการไปในช่องทางออนไลน์จำหน่ายบนเว็บ Amazon ขณะที่รีเทลยังมีไม่มาก เพราะบริษัทมองว่าการเข้าไปลุยตลาดในต่างแดนจะต้องเข้าไปฉบับแบรนด์ที่ตัวเล็ก เริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ Nich Market เจาะกลุ่มเฉพาะก่อนจึงจะเป็นการเพลย์เซฟที่สุด
สัดส่วนการส่งออกเดนทิสเต้ขณะนี้อยู่ที่ 50-50% ในต่างประเทศและไทย ขณะที่สัดส่วนยอดขายมาจาก สมูทอี 40% เดนทิสเต้ 40% (มาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มยาสีฟัน 6-7%) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและอื่น ๆ 20% ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทมองการพาสินค้าเข้าไปในช่องทางรีเทลมากขึ้น จากที่ผ่านมาวางจำหน่ายบนเว็บไซต์อีคอมเมิรซ์ โดยยังคงลุยต่อในอเมริกา เยอรมนี และยุโรป
ที่ผ่านมา ยอดขายเดนทิสเต้เติบโตสูงสุดในญี่ปุ่นมาเป็นอันดับแรก ด้วยจำนวน 100% ตามด้วยไทย และเกาหลีเติบโต 5-10% (ส่วนแบ่งการตลาดในเกาหลี 12%) รวมถึงกัมพูชาที่เติบโตค่อนข้างดี double digit และในสิงคโปร์ที่กำลังมาแรง
ดร. แสงสุข กล่าวเสริมว่า ความยากของการทำตลาดในต่างประเทศ มีด้วยกัน 3 ข้อ
1. รู้อินไซต์ เข้าใจความต้องการลูกค้า ต้องรู้ดีมานด์ เพนพอยต์ แล้วปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการนั้นของลูกค้า
2. ความแตกต่างของตลาด หาช่องว่างที่เราจะเข้าไปได้ให้เจอ
3. การทำการตลาด ทำอย่างไรให้แบรนด์ไม่ต้องเสียเงินทำมาร์เก็ตติ้งสูง แต่คนรับรู้ได้เร็ว
โกอินเตอร์ด้วยพรีเซนเตอร์ระดับโลก
ภายหลังการเป็นพรีเซนเตอร์ของ “ลิซ่า ลลิษา” นักร้องคนดังระดับโลก ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นไอคอนของ Young Generation ทำให้เดนทิสเต้ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัย การรับรู้แบรนด์ และยอดขายที่พุ่งสูงแบบก้าวกระโดด โดยช่วงที่ลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์นั้น ยอดขายเดนทิสเต้เติบโต 3 เท่าตลอด
การกลับมาเซ็นสัญญาแบรนด์แอมบาสเดอร์ในครั้งล่าสุดนี้ นับเป็นปีที่ 3 ของการนั่งแท่นพรีเซนเตอร์สินค้า FMCG แบรนด์ไทยเพียงแบรนด์เดียวของลิซ่า บริษัทตั้งเป้าการกลับมาครั้งนี้ของลิซ่าจะช่วยดัน Sale Growth ได้สูงถึง 100% ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ “The New Chapter: Dentiste’ X The Power of Lisa’s Confident Smile” ถ่ายทอดชีวิตและตัวตนของลิซ่าในฐานะ “Lady Boss” เปลี่ยนภาพสินค้าเดนทิสเต้จากยาสีฟันของคู่รัก สร้าง Relationship มาเป็นยาสีฟันสร้างความมั่นใจให้ตนเอง
โดยในปีนี้ได้มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ยาสีฟัน เซรั่มเพิ่มเนื้อฟันขาว Dentiste’ Repaire’ Oral Care Serum หรือ ยาสีฟันแบบแปรงแห้ง Dentiste’ Anticavity Max Fluoride ที่ทันตแพทย์กว่า 6,000 คนทั่วโลกแนะนำ ดร. แสงสุข ยังเปิดเผยว่า ในปีหนึ่งบริษัทจะออกสินค้าใหม่เป็นประจำ 30-40 SKUs แต่ทุก ๆ 10 ตัว จะเหลือรอดไปได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น
ตลาดออรัลแคร์ทั่วโลก 30,000 ล้านดอลลาร์
ตลาดออรัลแคร์ทั่วโลกมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ในไทย ตลาดยาสีฟันไทยอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แบ่งออกเป็นยาสีฟันพรีเมียม (100 บาทขึ้น) ยาสีฟันสำหรับฟันขาว ยาสีฟันสำหรับลดการเสียวฟัน ยาสีฟันสมุนไพรธรรมชาติ และยาสีฟันลดฟันผุ นอกจากนี้ ยังแยกออกไปเป็นตลาดน้ำยาบ้วนปาก และแปรงสีฟันมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท
ด้วยพฤติกรรมที่คนหันมาดูแลสุขภาพช่องปาก เพราะห่วงภาพลักษณ์และเสริมความมั่นใจ ทำให้ยาสีฟันในกลุ่มพรีเมียมไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง ปีนี้ สยามเฮลท์ กรุ๊ป จึงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต 20%
“สยามเฮลท์ กรุ๊ป แจ้งเกิดตอนที่มีวิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นช่วงเวลาแห่งจุดจบของหลายธุรกิจ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทผม คนอื่นล้มผมเกิด และอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ บทเรียนอย่างเดียวที่คนทำธุรกิจต้องผ่านไปให้ได้ คือ หัวใจ การทำธุรกิจยากที่ใจ ใจต้องสู้ ต้องบ้าบิ่น กล้าลุย กล้าลอง สำคัญที่สุดคือ Passion”
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ
.
อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
.