สถิติล่าสุด คนทํางานสูญเสียฟัน 84% มีฟันผุเกินครึ่ง แนะวิธีแปรงฟัน 2-2-2


สุขภาพช่องปาก รวมถึงสุขภาพฟัน มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเป้าหมาย SDG 3 เน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยสุขภาพช่องปากเป็นส่วนสำคัญของสุขภาพโดยรวม สุขภาพช่องปากที่ไม่ดีอาจนำไปสู่ความเจ็บปวด การติดเชื้อ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต การเข้าถึงการดูแลทันตกรรมและการส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากที่ดีสามารถช่วยให้บรรลุการประกันสุขภาพถ้วนหน้าและลดความไม่เท่าเทียมด้านสุขภาพได้

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ได้ดำเนินการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ทุก 5 ปี ซึ่งครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ 9 ดำเนินการเก็บข้อมูลในปี พ.ศ. 2566 โดยสุ่มจังหวัดในเขตสุขภาพ 12 เขต เขตละ 2 จังหวัด รวม 24 จังหวัด และพื้นที่กรุงเทพมหานคร การสำรวจในครั้งนี้ได้ใช้แนวทางตามองค์การอนามัยโดยกลุ่มอายุสำคัญที่เป็นตัวแทนความเปลี่ยนแปลงของสภาวะช่องปากแต่ละช่วงวัย ประกอบด้วย เด็กก่อนวัยเรียนอายุ 3 ปี และ 5 ปี เด็กวัยเรียนอายุ 12 ปี เด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี กลุ่มวัยทำงานอายุ 35-44 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ 60-74 ปี และ 80-85 ปี

สำหรับผลการสำรวจ กลุ่มวัยทำงานอายุ 35-44 ปี พบว่า ปัญหาหลักที่พบคือการสูญเสียฟัน โดยพบวัยทํางานมีการสูญเสียฟัน ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุ หรือปัญหาด้านสุขภาพในช่องปาก ร้อยละ 83.9 เฉลี่ย 3.5 ซี่ต่อคน มีภาวะเหงือกอักเสบร้อยละ 81.0 โดยร้อยละ 51.8 เกิดร่วมกับหินน้ําลาย มีรากฟันเผยฝั่ง ร้อยละ 67.1 เฉลี่ย 9.1 ซี่ต่อคน ค่าดัชนีรากฟันผุอุด (Root Caries Index) ร้อยละ 28.5 ซึ่งสูงกว่าการสํารวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ที่พบรากฟันเผยพึ่งร้อยละ 57.1 เฉลี่ย 5.9 ที่ต่อคน และพบความชุกของโรคฟันผุที่ยังไม่ได้รักษาร้อยละ 52.9 เฉลี่ย 1.6 ต่อคน โดยพบความชุกในภาคกลางและภาคใต้มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

เมื่อพิจารณาความจําเป็นในการรับการป้องกัน รักษา ตามสภาวะโรคฟันผุและการสูญเสียฟัน พบว่า วัยทํางาน ต้องได้รับการอุดฟันร้อยละ 80.9 และจําเป็นต้องใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วนร้อยละ 41.5

สําหรับ พฤติกรรมดูแลสุขภาพช่องปาก กลุ่มวัยทํางานดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ําตาลร้อยละ 73.7 แปรงฟันก่อนนอนทุกวันร้อยละ 80.1 แต่มีการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เพียงร้อยละ 67.2 ส่วนการใช้อุปกรณ์เสริม ร่วมกับการแปรงฟัน พบว่า วัยทํางานใช้น้ํายาบ้วนปากร้อยละ 38.4 รองลงมาคือไม้จิ้มฟัน ไหมขัดฟัน และแปรง ซอกฟันร้อยละ 27.9, 18.3 และ 2.1 ตามลําดับ

บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง จึงร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ

โดยแคมเปญจะส่งเสริมความรู้พื้นฐานเรื่องสุขภาพช่องปาก แนะนำการใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะ และเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพให้คนไทย เพื่อช่วยลดจำนวนผู้ที่มีปัญหาฟันผุซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยความร่วมมือครั้งนี้ดำเนินการผ่านเครือข่ายทันตบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข

พร้อมทั้งจัดบริการตรวจสุขภาพช่องปากทั่วประเทศฟรี เพื่อให้ทราบปัญหาสุขภาพช่องปากตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ประชาชนเข้าถึงบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาสุขภาพช่องปาก และลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ช่วยลดภาระด้านสาธารณสุขของภาครัฐและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น

วัยทำงาน มีฟันผุไม่ได้รักษา 53%

“ดร.นพ. ปองพล วรปานิ” รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การมีสุขภาพช่องปากที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย สุขภาพช่องปากมีความจำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิต เพราะนอกจากจะใช้บดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังมีส่วนสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

สถานการณ์สุขภาพช่องปากของประชาชนไทย จากรายงานผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ปี 2566 พบว่าคนไทยทุกช่วงวัยมีปัญหาสุขภาพช่องปากในระดับที่สูง ในวัยผู้ใหญ่มีฟันผุยังไม่ได้รับการรักษาถึง 53% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมาในปี 2560 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการแปรงฟันไม่เหมาะสม เช่น ใช้เวลาแปรงฟันนานน้อยกว่า 2 นาที เลือกใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ประชาชนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมในแต่ละวัย รวมทั้งการเข้าถึงบริการทันตกรรมอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เป็นต้น

แปรงฟันด้วยสูตร 2-2-2

ความร่วมมือกับคอลเกตในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความตระหนักให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยลดปัญหาในช่องปากของคนไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้ในการดูแลสุขภาพช่องปากคือ แปรงฟันด้วยสูตร 2-2-2 คือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ครั้งละ 2 นาทีขึ้นไป และงดรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงหลังแปรงฟัน พร้อมแนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

บีบยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เต็มแปรง

“รอฟ กูร์บุช” กรรมการผู้จัดการ ศูนย์รวมภูมิภาคอินโดจีน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คอลเกตริเริ่มโครงการ ฟ.ฟันสวยยิ้มใส (Bright Smiles, Bright Futures) มาเป็นระยะเวลากว่า 26 ปี โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากฟรีแก่เด็ก ๆ ทั่วประเทศ

“เพื่อต่อยอดการดูแลส่งเสริมสุขภาพช่องปากของคนไทย จึงทำแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากอย่างจริงจัง ผ่านการสื่อสารถึงวิธีการแปรงฟันและใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม โดยควรบีบเต็มแปรง สำหรับเด็กอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไป ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ”

วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ 21 ตุลาคม

“เดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากคนไทย ทันตบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐ ทั่วประเทศร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพช่องปากฟรี และจัดกิจกรรมวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี โดยให้บริการทันตกรรมฟรีแก่ประชาชน เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สุขภาพดีให้กับทุกคน” ดร.นพ. ปองพล กล่าว

สำหรับกิจกรรมหลักของแคมเปญ “ยิ้มคนไทย ไร้ฟันผุ” ในเดือนตุลาคมจะมุ่งเน้นให้คนไทย เข้าถึงบริการตรวจสุขภาพช่องปากที่ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งประกอบด้วย เชิญชวนคลินิกทันตกรรมทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปากฟรี มีการจัดทําและผลิตสื่อความรู้รณรงค์ให้คนไทยดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ส่งมอบยาสีฟันคอลเกต รสยอดนิยม ขนาด 20 กรัม ซึ่งผสานแคลเซียมและฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 77 จังหวัด เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ

นอกจากนั้น คอลเกตยังจัดเตรียมหน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อลงพื้นที่ตรวจสุขภาพช่องปากฟรี ในชุมชน 5 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเดินหน้าให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ผ่านการรณรงค์โดยอินฟลูเอนเซอร์ และการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ บนช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แบบครบวงจร เพื่อกระตุ้นการสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจให้กับ ประชาชนทุกเพศทุกวัยอย่างต่อเนื่อง

สถิติล่าสุด คนทํางานสูญเสียฟัน 84% มีฟันผุเกินครึ่ง แนะวิธีแปรงฟัน 2-2-2



Source link